The Great Annihilator ผสานเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล และจังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์

 The Great Annihilator  ผสานเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล และจังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์

ในโลกดนตรีที่กว้างใหญ่ไพศาล แนวเพลง Experimental Music มักถูกมองว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างลึกลับและยากต่อการเข้าถึง ภายในมันเต็มไปด้วยการทดลอง เสียงที่แปลกใหม่ และเทคนิคการเรียบเรียงที่มักจะแหวกขนบ ที่จริงแล้ว Experimental Music ก็เหมือนกับโลกใบใหม่ที่รอให้คุณเปิดใจรับรู้

วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจผลงานชิ้นเอกของ Glenn Branca “The Great Annihilator” ผลงานจากปี 1981 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของดนตรีแนว Avant-garde/No Wave และ minimalism

“The Great Annihilator” คือการผสานระหว่างเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ที่ค่อยๆ ซ้อนทับกันอย่างไม่หยุดยั้ง และจังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวและงดงามไปพร้อมๆ กัน

Glenn Branca (1948-2018) เป็นนักดนตรี avant-garde, คอมโพสเซอร์ และกีตาร์ริสต์ชาวอเมริกัน ผู้มีอิทธิพลอย่างมากในวงการดนตรี experimental เขาเป็นที่รู้จักในด้านการทดลองกับเสียงและจังหวะ โดยมักจะใช้กลุ่มเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ (ซึ่งบางครั้งก็มีจำนวนถึง 100 ชิ้น) เพื่อสร้างผลงานที่มีความซับซ้อนและยิ่งใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ

“The Great Annihilator” เป็นส่วนหนึ่งของชุดผลงานที่ Branca เรียกว่า “Symphony No. 1” ผลงานชิ้นนี้ได้รับการบันทึกด้วยเทคนิคการใช้ 6 กีตาร์ที่ถูกปรับแต่งให้มีระดับเสียงต่ำลง (lowered tuning) ซึ่งทำให้เกิดเสียงที่ทึมต่ำและทรงพลัง

โครงสร้างและเนื้อหาของ “The Great Annihilator”

“The Great Annihilator” แบ่งออกเป็น 5 ส่วน โดยแต่ละส่วนมีลักษณะเฉพาะตัว:

  • Section I: เริ่มต้นด้วยเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ที่ค่อยๆ ซ้อนทับกันอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างความรู้สึกที่น่าหลงใหลและลึกลับ
ส่วน ชื่อ คำอธิบาย
I The Dawn of Annihilation เสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ซ้อนทับกันอย่างไม่หยุดยั้ง
II The Serpent’s Tongue จังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์ และเสียงกีตาร์ที่ทึมต่ำ
III The Eternal Void สร้างความรู้สึกเงียบสงัดและว่างเปล่า
IV The Dance of Death เสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับจังหวะที่รวดเร็วขึ้น
V The Great Annihilator จบลงด้วยเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ที่ค่อยๆ เลือนหายไป
  • Section II: จังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์ และเสียงกีตาร์ที่ทึมต่ำ เริ่มต้นขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นและสับสน

  • Section III: สร้างความรู้สึกเงียบสงัดและว่างเปล่า โดยเน้นไปที่เสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ที่เบาบางและไพเราะ

  • Section IV: เสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับจังหวะที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจ

  • Section V: จบลงด้วยเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล ที่ค่อยๆ เลือนหายไป

“The Great Annihilator” ในบริบทของ Experimental Music

Glenn Branca เป็นผู้ก่อตั้งแนว No Wave ซึ่งเป็น流れในดนตรี avant-garde ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ในนิวยอร์กซิตี้ No Wave มักจะเน้นไปที่การปฏิเสธขนบเดิมๆ และการทดลองกับเสียงและจังหวะ

“The Great Annihilator” เป็นตัวอย่างของผลงาน No Wave ที่โดดเด่น ด้วยการใช้เสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล, จังหวะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ปกติ และโครงสร้างที่ซับซ้อน

ผลงานชิ้นนี้ยังได้รับอิทธิพลจาก Minimalism ซึ่งเป็นแนวเพลงที่เน้นไปที่ความเรียบง่าย, การ 반복 , และการสร้างความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่

การรับรู้และอิทธิพลของ “The Great Annihilator”

“The Great Annihilator” ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์ดนตรีและแฟนเพลง Experimental Music ผลงานนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Glenn Branca และเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของแนว No Wave

“The Great Annihilator” ยังได้รับอิทธิพลต่อนักดนตรี Experimental Music รุ่นหลังๆ เช่น Sonic Youth, Swans, และ Tortoise

บทสรุป

“The Great Annihilator” ของ Glenn Branca เป็นผลงานที่น่าสนใจและมีอิทธิพลอย่างมากในวงการดนตรี experimental ด้วยการผสานระหว่างเสียงร้องแว่วไหวนาเทอราล , จังหวะพթพลิบคว่ำของอิเล็กทรอนิกส์ และโครงสร้างที่ซับซ้อน “The Great Annihilator” เป็นประสบการณ์ฟังดนตรีที่ไม่เหมือนใครและเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของ Experimental Music